2021-11-16 15:08:52
บริษัท วัชมนฟู้ด จำกัด ผู้ส่งออก-นำเข้าผลไม้จากต่างประเทศ เป็นผู้นำในการสรรหาผลไม้คุณภาพสูงหรือผลไม้พรีเมียมจากทั่วทุกมุมโลกมานำเสนอให้ผู้บริโภคชาวไทย เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่เจอกับผลกระทบหลายปัจจัยที่ถาโถมเข้ามา ก็ได้ใช้ประสบการณ์อันยาวนานในธุรกิจผลไม้สดกว่า 30 ปี ผสมผสานกับแนวทางการบริหารแบบคนรุ่นใหม่เพื่อประคับประคองให้ธุรกิจเป็นไปตามเป้าหมายให้ได้
น.ส.วิภาวี วัชรากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท วัชมนฟู้ด จำกัด กล่าวว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาตลาดผลไม้นำเข้าในประเทศไทยได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะตลาดแมสที่มีผลไม้จากประเทศจีนที่มีราคาถูกเป็นตัวทำตลาด นอกเหนือจากผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจแล้ว นโยบายการห้ามหาบเร่แผงลอยขายบริเวณข้างถนนในกรุงเทพฯ โดยเฉพาะย่านสีลม เยาวราช ซึ่งเดิมเป็นแหล่งสำคัญขายผลไม้สด ดีและราคาถูกก็เป็นเหตุผลสำคัญ ทำให้บรรดาพ่อค้าแม่ค้าผลไม้ไม่สามารถขายได้ บางรายหยุดขายกลับบ้านไปต่างจังหวัด บางรายก็ไปหาทำเลใหม่ขายในตามงานแสดงสินค้า ในห้างสรรพสินค้าขายแต่ขายไม่ดีเท่า อีกทั้งต้นทุนค่าเช่าที่แพงขึ้นทำให้ไม่คุ้ม บริษัทได้รับผลกระทบกับตลาดผลไม้นำเข้าแมสมาก ลูกค้าในส่วนนี้หายไปรวมกว่า 100 ราย ซึ่งมีนัยสำคัญกับยอดขายของบริษัทมาก
“ทำให้มองว่านี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ดูเหมือนว่าประเทศเราอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง เพราะคนหาเช้ากินค่ำ หากินยากขึ้น หรือไม่ก็เลิกขายของกลับไปอยู่ต่างจังหวัดกัน รายได้จากเดิมที่เคยได้กันเดือนละ 5 หมื่นถึงแสนบาท กลับลดลงเหลือแค่หมื่นสองหมื่นบาท มันซื้อไม่ง่ายขายไม่คล่องเหมือนเดิมแล้ว”
ขณะที่เซ็กเมนต์ที่ยังเติบโตเป็นเซ็กเมนต์ผลไม้นำเข้าพรีเมียมเจาะลูกค้าตั้งแต่ระดับบีขึ้นไป เพราะคนกลุ่มนี้มองว่าการบริโภคผลไม้เพื่อดูแลสุขภาพให้แข็งแรง แต่ที่กระทบก็คือผลไม้นำเข้าราคาถูกที่ผู้บริโภคระดับล่างกระทบหนักสุด กระทบทั้งตลาดรวมไม่เพียงแค่ที่บริษัทเท่านั้น แต่สำหรับบริษัทวัชมนฟู้ดยังนับว่าโชคดีเพราะมีเซ็กเมนต์ในตลาดพรีเมียม ขณะเดียวกันการรณรงค์การห้ามรับของขวัญ กระเช้าปีใหม่ของหน่วยงานราชการก็ทำให้ยอดขายกระเช้าผลไม้ในช่วงปีใหม่ได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน โดยส่วนตัวแล้วมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่รณรงค์ในเรื่องนี้กัน แต่สำหรับธุรกิจก็ต้องว่ากันต่อไป
ในปีที่ผ่านมาได้ทบทวนยอดขาย ทั้งปีอยู่ที่ 3,000 ล้านบาท เป็นยอดขายที่ไม่มีการเติบโต เป็นปีที่ยอมรับว่าเหนื่อยมากเพราะจากผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต รวมไปถึงห้างแห่งหนึ่งได้เปลี่ยนแปลงนโยบายเรื่อง rebate ทำให้โครงสร้างยอดขายทางตัวเลขหายไปถึง 20% หรือคิดเป็นมูลค่าถึง 200 ล้านบาท
น.ส.วิภาวีกล่าวว่า สำหรับในปี 2562 นี้ ทางบริษัทจะเน้นการทำตลาดผลไม้พรีเมียมมากขึ้น เช่นองุ่นไร้เมล็ด เขียวและดำ จากสหรัฐฯและออสเตรเลีย ที่มีราคาจำหน่าย กก.ละ 200 ปลายๆถึง 300 บาท เป็นผลิตภัณฑ์ที่ขายดีมาก รวมทั้งแอปเปิ้ล เอนวี่ เชอร์รี สตรอว์เบอร์รี ส้มแมนดารินจากออสเตรเลียและสหรัฐฯ จะวางแผนให้มีผลไม้ดังกล่าวมีขายตลอดทั้งปี รวมไปถึงการขยายตลาด พรีเมียมไปยังต่างจังหวัดเข้าหาผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อสูงในตลาดนั้นๆด้วย
เพื่อปรับสัดส่วนยอดขายผลไม้นำเข้าพรีเมียมปัจจุบันในระดับ 800 ล้านบาทให้เติบโตและมีสัดส่วนมากขึ้นรองรับกับผู้บริโภคตลาดบนที่กำลังซื้อยังคงมีความแข็งแกร่ง รวมทั้งผลไม้นำเข้าจากประเทศจีนยอดขายกว่า 2,000 ล้าน
ขณะเดียวกันยังเตรียมการรณรงค์การบริโภคผลไม้ โดยได้หารือกับทางผู้ประกอบการศูนย์การค้าหลายแห่ง รวมไปถึงวอชิงตันแอปเปิ้ล องุ่นจากออสเตรเลีย รวมทั้งองค์กรของรัฐเช่นกระทรวงสาธารณสุข สำหรับการให้ความรู้การดูแลสุขภาพด้วยการบริโภคผลไม้ให้ถูกวิธี ซึ่งจะเป็นการรณรงค์ให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการกินผลไม้ก่อนการรับประทานอาหาร ซึ่งจะมีประโยชน์กับสุขภาพมากกว่าการรับประทานหลังอาหาร อาจจะร่วมมือกันรณรงค์ผ่านโซเชียลมีเดียของศูนย์การค้าหรือหน่วยงานต่างๆ เพื่อให้ความรู้ที่ถูกต้องกับผู้บริโภคต่อไป
ขอขอบคุรข้อมูลจาก ไทยรัฐออนไลน์ (ผู้เขียนบทความ : วานิชหนุ่ม)
https://www.thairath.co.th/business/economics/1461256